;
การได้ยินเป็นประสาทสัมผัสที่สำคัญสำหรับเด็ก มีผลต่อพัฒนาการทางภาษา การสื่อความหมายด้วยการพูด และการเรียนรู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาด้านอารมณ์และสังคมต่อไป ดังนั้นเด็กที่มีความผิดปกติทางการได้ยินควรได้รับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของการสูญเสียการได้ยินและรับการช่วยเหลือฟื้นฟูในทันที มีการศึกษาพบว่าเด็กหูเสื่อมที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่ออายุยังน้อย จะได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูมากที่สุด
ภาวะสูญเสียการได้ยินในทารกแรกเกิด เป็นปัณหาที่พบบ่อยในประเทศที่กำลังพัฒนา มีรายงานอัตราการเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินในเด็กทารกได้มากถึง 1-2 ราย ต่อ 1,000 รายของทารกที่เกิดใหม่ต่อปี โดยพบในอัตราที่มากขึ้นในทารกกลุ่มเสี่ยงได้แก่
- ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่า 1,500 กรัมหรือคลอดก่อนกำหนด
- มีความผิดปกติของศีรษะ ใบหน้า และหูตั้งแต่กำเนิด
- มารดาได้รับยาหรือสารที่เป็นพิษต่อเด็กขณะตั้งครรภ์
- มารดามีการติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
- ภาวะตัวเหลืองจนต้องถ่ายเลือด
- มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคประสาทหูพิการ เป็นใบ้ตั้งแต่กำเนิด
- มีปัญหาระหว่างคลอด แรกคลอดต้องอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยแรกเกิด
- ได้ใช้เครื่องช่วย หายใจ ได้รับยาที่มีพิษต่อหู
- ภาวะขาดออกซิเจนขณะอยู่ในครรภ์มารดาหรือระหว่างคลอด
- มีลักษณะที่เข้ากับโรคทางพันธุกรรมที่มีความผิดปกติทางการได้ยิน
การตรวจการได้ยินตั้งแต่แรกเกิดจึงมีความสำคัญ ในประเทศอเมริกาแนะนำให้เด็กแรกเกิดจนถึง 1 เดือน ต้องได้รับการตรวจการได้ยินเบื้องต้นเพื่อคัดกรอง และเด็กควรได้รับการยืนยันการวินิจฉัยอายุไม่เกิน 3 เดือน ปัจจุบันมีการนำเครื่องมือเพื่อตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิดที่เรียกว่า OAE (Otoacoustic emission) โดยใช้ตรวจวัดเสียงสะท้อนจากหูชั้นใน
ทำได้ง่ายขณะเด็กหลับตามธรรมชาติหรือนอนนิ่ง ๆ ในห้องที่เงียบ ไม่ต้องใช้ยานอนหลับ ไม่ทำให้เด็กเจ็บปวด เพียงใช้เสียงกระตุ้นเข้าไปในหูทั้งสองข้าง แล้วรอการประมวลผลจากเครื่องตรวจ ทราบผลทันทีเมื่อสิ้นสุดการตรวจ หากผลการตรวจไม่ผ่านในครั้งแรก แพทย์หู คอ จมูกจะมีการนัดเพื่อตรวจซ้ำ หรือส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและให้การฟื้นฟูต่อไป